ผู้ป่วยบวมน้ำเหลือง ในสังคมออนไลน์

2. วอนช่วย แม่ค้าป่วยแขนใหญ่สู้ชีวิต ทรมานรอคิวผ่าตัดนาน 4ปี

นำเสนอข่าวโดยไทยรัฐออนไลน์ 3 ต.ค. 2557 17:47

วอนช่วยเหลือแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง สุดทรมานแขนโตใหญ่ หนักเกือบ 20 กิโลกรัม หลังผ่าตัดเนื้อร้ายที่เต้านม แพทย์ระบุเป็นโรคต่อมน้ำเหลืองอุดตัน แต่ต้องรอคิวผ่าตัดอีก 4 ปี...

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณร้านขายอาหารตามสั่ง ที่อยู่ริมถนนสายโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ถูกปลูกเป็นเพลิง มุ่งด้วยหลังคาใบจาก พบนางสำรวย ศิริพันธุ์ อายุ 56 ปี และนายอำนาจ ศิริพันธุ์ อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 23 ม.3 ต.บ้านขวาง อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา สองสามีภรรยา คู่ทุกข์คู่สุข ที่ช่วยกันขายอาหารตามสั่ง เพื่อเก็บหอมออมเงิน ไว้เป็นค่าเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ในขณะที่แขนของนางสำรวยมีลักษณะแขนซ้าย ที่บวมใหญ่ ตั้งแต่ต้นแขนจนถึงปลายนิ้ว รวมน้ำหนักเกือบ 20 กิโลกรัม ทำให้ต้องใช้ชีวิตประจำวันด้วยความอยากลำบาก และตนเองก็รู้สึกทุกข์ทรมาน เนื่องจากแขนที่มีน้ำหนักมาก และทำให้หัวไหล่ต้องรับน้ำหนัก จะขายอาหารตามสั่ง ต้องใช้แขนขวาข้างเดียวในการทำอาหาร ส่วนแขนด้านซ้ายที่บวมใหญ่ ช่วยหยิบจับของได้บ้างเล็กน้อย

นางสำรวย เปิดเผยต่อว่า อาการแขนที่บวมใหญ่นั้น เริ่มมาจากเมื่อ 7 ปีก่อน เคยได้รับการผ่าตัดเต้านมเนื้อ จากพบเนื้อร้ายในเต้านม หลังจากนั้นแขนด้านซ้าย ก็เริ่มมีอาการใหญ่ขึ้นเลย จนมีน้ำหนักเกือบ 20 กิโลกรัม นานเกือบ 5 ปีแล้ว ซึ่งเคยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราช แพทย์วินิจฉัยโรค ว่า ตนเป็นโรคต่อมน้ำเหลืองอุดตัน ทางโรงพยาบาลจึงได้ส่งตนไปรักษาตัวต่อที่ รพ.ศิริราช โดยนัดตรวจทุกๆ 6 เดือน ซึ่งตนก็ได้ไปตามนัดมาแล้ว 3 ครั้ง และทางแพทย์ได้บอกว่า อีก 4 ปีถึงจะได้คิวผ่าตัด ซึ่งตนก็ได้รอมาเกือบ 2 ปีแล้ว

"ขณะนี้รู้สึกปวดทนไม่ไหว และก็ใช้ชีวิตประจำวันลำบาก ทำให้ตนเองรู้เครียดมาก และเบื่อหน่ายตนเอง อีกทั้งชีวิตครอบครัวก็ลำบาก เนื่องจากสามี อายุ 60 ปีแล้ว ทำให้ต้องเกษียณอายุจากการเป็น รปภ. ครอบครัวต้องขาดรายได้ ซึ่งขณะนี้ต้องออกมาช่วยขายอาหารตามสั่งด้วยกัน"

พร้อมระบุ ปัจจุบันมีรายได้จากการขายอาหารเพียงวันละ 600-1,000 บาท เงินที่ได้มาต้องเก็บออมไว้ เพื่อนำไปเป็นค่าเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช โดยมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งละประมาณ 800 บาท ส่วนบ้านที่มีอยู่ ก็ถูกน้ำท่วมซ้ำซาก ทำให้ตนและสามีต้องออกมาเช่าบ้านอยู่ จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือตนในการเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็ว เพราะจะได้กับมาใช้ชีวิตประจำวันและประกอบอาชีพได้เหมือนคนปกติ.

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/454463

3. น่าสงสาร! ฝรั่งขาบวมนั่งขอทานที่ข้าวสาร 

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 ก.ย.) ในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพและข้อความจากเฟซบุ๊กของคุณ Jeab Kamolwan Nontapodej โดยเป็นภาพชายชาวต่างชาติสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน ขาบวมโต นั่งขอทานอยู่บริเวณถนนข้าวสาร พร้อมข้อความระบุว่า

"ฝากแชร์ต่อไปเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ วันนี้ขับรถผ่านถนนตะนาว บางลำพู ปากซอย ถนนข้าวสาร เห็นฝรั่งนั่งขอทาน ลักษณะขาบวมากเหมือนเป็นเท้าช้างน่าสงสาร เลยรีบจอดรถ รีบลงไปสอบถาม ได้ความว่าเป็นคนเยอรมัน ชื่อ Benjamin HOLSE เป็นคนเยอรมัน มานั่งรอเพื่อน 3 วันแล้ว เพื่อนจะพาไปสถานทูต ถามพักที่ไหน บอกไม่มีที่พักนอนกลางถนนทั่วไป เราบอกทำไมไม่ไปสถานทูตจะได้กลับบ้านไปรักษาตัว เขาบอกรอเพื่อนจะมารับพาไป น่าสงสาร เราเลยให้สตางค์เขาไว้ไม่มาก พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ถ้าเขาต้องการให้เราช่วยอะไรได้บ้าง เราคิดว่าทางสถานทูตน่าช่วย อะไรเขาได้ เราคิดว่าเขาอาจไปโดนอะไรกัด เอกสารทุกอย่างไม่มีหายหมด จะนั่งรอเพื่อนมารับเท่านั้น"

ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวถูกแชร์ไปแล้วกว่า 3 หมื่นครั้ง โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าน่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือตำรวจท่องเที่ยวมาช่วยเหลือ พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่าชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวจะติดต่อเพื่อนที่จะมารับอย่างไร

ที่มา   http://news.sanook.com/1669813/น่าสงสาร-ฝรั่งขาบวมนั่งขอทานที่ข้าวสาร/

4. สุดสลด ชีวิตสองสามีภรรยา ใช้ชีวิตอย่างทรมานบนความรักนาน 34 ปี สามีล้มป่วยโรคบวมน้ำเหลือง หรือเท้าช้างเทียม ภรรยาป่วยไทรอยด์ แต่รักไม่อาจทิ้งกัน พาสามีตระเวนหาทางรักษาโรคร้ายนาน 7 ปี จนหนี้สินท่วมหัว วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือสามี ไม่อยากเห็นต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น

วันนี้ ( 17 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางณัฐนันท์ โรจนพณิชย์กุล อายุ 57 ปี อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) องค์การบริหารส่วนตำบลพลูตาหลวง ได้นำตัว นายนันทวัฒน์ โรจนพณิชยกุล อายุ 57 ปี สามี ซึ่งล้มป่วยด้วยโรคบวมน้ำเหลือง หรือเท้าช้างเทียม ทำให้บริเวณขาขวามีก้อนเนื้อขนาดใหญ่วัดวงรอบ 32 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม เข้าพบกับสื่อมวลชน ในการออกมาวิงวอนขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ และโรงพยาบาลที่มีวิธีรักษา  ให้มาช่วยรักษาสามีให้หายจากโรคร้ายนี้ หลังทำให้สามีต้องใช้ชีวิตอย่างทรมานเหมือนตายทั้งเป็นมานาน 7 ปี

นายนันทวัฒน์ เปิดเผยว่า โรคร้ายนี้ได้เข้ามาย่างกายชีวิตเมื่อปี พ.ศ.2549 ขณะนั้นได้เป็นเสาหลักของครอบครัว ด้วยการยึดอาชีพเป็นพนักงานบริษัทขนส่งสินค้าแห่งหนึ่ง ในการท่าเรือสัตหีบ วันหนึ่งที่บริเวณขาขวาเกิดมีตุ้มน้ำใส ๆ ขึ้นโดยรอบ และมีอาการบวมขึ้นเรื่อย ๆ จึงเข้าทำการรักษาในโรงพยาบาลมาอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายขามีขนาดใหญ่ แพทย์ระบุเป็นโรคบวมน้ำเหลือง หรือเท้าช้างเทียม ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน จึงต้องลาออกจากงาน

"มีปัญหาด้าน การเงิน เนื่องจากตนต้องตกงาน มีเพียงภรรยาที่หาเช้ากินค่ำ มีรายได้เพียงพอประทังชีวิตไปวัน ๆ เท่านั้น และมีอุปสรรคในการเดินทางไปรักษา จึงทำให้ต้องหยุดการรักษาลง ดิ้นรนสู้ทนชีวิตให้อยู่รอดไปวัน ๆ ไปอย่างทุกข์ทรมานเจ็บปวดทุกวันเวลา แม้ยามจะนอนอาการปวดก็ไม่เคยทุเลาลง ปัจจุบัน ชีวิตกับต้องมาเจอโรคแทรกซ้อนหลายโรค อาทิ โรคต้อกระจกทำให้ตาขวาขณะนี้มองไม่เห็น โรคข้อเข่าเสื่อม และโรคไวรัสตับอักเสบบี เวลานี้จึงทำได้เพียงอยู่อย่างทุกข์ทรมานชดใช้เวรกรรม รอวันที่มีผู้ใจบุญมาให้การช่วยเหลือ และรักษาโรคร้ายนี้ ให้หายขาดได้" นายนันทวัฒน์ กล่าว

ด้าน นางณัฐนันท์ โรจนพณิชย์กุล เปิดเผยว่า ได้อยู่กินฉันสามีมานาน 34 ปี เมื่อรู้ว่าสามีต้องล้มป่วยด้วยโรคประหลาด ด้วยความรักและความผูกพัน ก็มิอาจทิ้งสามีไปได้ จึงได้ตระเวนไปยังโรงพยาบาลทุกหนแห่ง ที่สามารถรักษาอาการของโรคนี้ได้ แม้ตัวเองจะกำลังล้มป่วยด้วยโรคไทรอยด์ก็ตาม แต่ความหวังเหมือนไร้จุดหมาย เมื่ออุปสรรคด้านการเงิน หนี้สินนอกระบบจากการกู้ยืมมารักษาสามี ได้เข้ามารุมเร้าครอบครัว และอุปสรรคอีกมากมาย

"ต้องหยุดการรักษาลง ทำได้เพียงดูแลสามี ออกทำงานหาเช้ากินค่ำเลี้ยงปากท้อง และใช้หนี้สินไปวัน ๆ ทุกวันคืนต้องเห็นสามีร้องโอดโอยด้วยความทุกข์ทรมานคิดว่า คงเป็นกรรมที่ทั้งคู่ได้ก่อไว้ จึงหวังจะใช้กรรมที่มีให้ลดน้อยลง ด้วยการขออาสาเป็น อสม. เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และเข้าสู่ทางธรรม หวังเพียงกรรมของสามีจะหมดไป แต่ก็มิอาจทำให้ทุกข์บรรเทาได้ การออกมาครั้งนี้ จึงอยากวิงวอนให้ผู้ใจบุญ หน่วยงาน หรือโรงพยาบาลที่มีจิตรศรัทธา รับตัวสามีไปทำการรักษา เพราะไม่อยากเห็นสามีต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็น" นางณัฐนันท์ กล่าว

ที่มา  http://www.dailynews.co.th/Content/regional/24109/วอนช่วยสามีป่วยโรคเท้าช้างเทียม

5. สุรินทร์-พบหญิงแขนใหญ่ที่สุดของโลก ข้างละกว่า 10 โล

เผยแพร่เมื่อ 4 ก.ย. 2014
(4 ก.ย.57) หลังจากที่มีสื่อมวลชนในประเทศอังกฤษ เดลีสตาร์/มิสเรอร์ นำเสนอเรื่องราวชีวิต อาการป่วยมีลักษณะ แขนสองข้างบวมใหญ่ที่สุดของโลก อีกรายหนึ่ง ในประเทศไทย ซึ่งผู้ป่วยชื่อ นางสาวดวงใจ สมัครสมาน อายุ 58 ปี ชาวบ้านกระทม บ้านเลขที่ 83 หมู 4 ต.สำโรง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งอาการแขนใหญ่ มือใหญ่ เป็นมาตั้งแต่เกิดเลย แม่บอกว่า อย่างนั้น ตอนนี้อายุ 58 ปี เป็นมาตั้ง 58 ปี ไปหาหมอ อยู่เรื่อยๆ เมื่อก่อนนี้ แต่ไม่หาย โดยรักษาตัวผ่าตัดสองครั้ง ที่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นคนไข้ในสมเด็จย่าฯก็ยังรักษา ไม่หาย ดูดไขมัน มาหนึ่งครั้ง มันปวดมาก ตอนที่หมอจะดูดไขมัน เขาตีจนบวมหมด เขียวไปหมด ค่อยดูดไขมัน มันปวดมาก หมอบอกว่าเป็นอาการผิดปกติทางฮอร์โมน และเชลล์ ที่แขนสองข้าง มัน หนักมือ และปวดมาก ทรมานมาก เวลา ยืนทำงานนานๆก็จะปวดต้อง นั่งวางมือ บนโต๊ะ จะหายเหนื่อย และช่วงกลางคืน อากาศเย็นๆก็จะมีอาการปวดมาก เวลาปวดก็จะทานยาพาราเซตามอน ยังชั่งน้ำหนักมือสองข้าง ให้ดูแต่เครื่องชั่งรับน้ำหนักได้แค่ 7 กิโลกรัมเท่านั้น ก็ไม่สามารถวัดได้ แต่ป้าดวงบอกว่า เคยน้ำหนักแขน มือมาแล้ว แขนข้างซ้ายหนัก 10 กิโลกรัม ข้างขวาหนัก 13 กิโลกรัม
นางจันทร์แก้ว สมัครสมาน อายุ 48 ปี น้องสะใภ้ ป้าดวง แก้วบอกว่า เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีผู้กำกับภาพยนตร์ ชาวญี่ปุ่น กับคนไทย หนึ่งคน มาหาที่บ้าน และประสานงานกับแพทย์ ที่ประเทศญี่ปุ่น จนได้เดินทางไปตรวจร่างกาย เอกซ์เรย์ ทำเอ็มอาร์ไอ ที่โรงพยาบาลประเทศญี่ปุ่น มีคณะแพทย์วินิจฉัยโรค บอกว่า ไขมันเยอะ มาทับเส้นประสาททำให้ปวด แขน หมอบอกว่ารักษาได้ ไม่ต้องฝ่า ไม่ต้องตัดแขน หมอจะสไลด์ไขมัน ส่วนที่เกิน ออก แขนจะเล็กลง แต่ให้รอก่อน หมอรักษาคนแขนใหญ่มาแล้ว 6 คน ป้าดวง เป็นคนที่ 7 ของโลกที่แขนมือใหญ่ ก็ยังรอความหวังว่าจะได้รับการรักษาให้ แขนมือ เล็กลง

ที่มา  https://www.youtube.com/watch?v=fIYDR7DAFs0